Tuesday, September 21, 2010

ร้านกับแกล้ม หลังสวนในเมลเบิร์น

และแล้ว วันนี้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมร้านไทยแนวใหม่ในเมลเบิร์น ที่ฉีกกฎเดิมๆของแกงเขียวหวาน ร้านนี้มีชื่อเสนาะเพราะโสตว่า กับแกล้ม ซึ่งเวลาข้าพเจ้าพาเพื่อนออสซี่ไปจะเรียกร้านนี้ว่า Club Glam เพราะฟังแล้วได้บรรยากาศ Glamourous นะ

ร้านนี้มันดีตรงไหน ตอบได้ทันทีว่าตรงเมนู แหม พี่น้องจ๋า มาร้านอาหารหากเมนูไม่ดี ใครจะกลับมากินใช่ไหมเอ่ย ร้านนี้ข้าพเจ้าเห็นได้ว่าพยายามฉีกตำราอาหารไทยโบราณมาสู่ความประยุกต์แนวกินลมชมสะพานมากขึ้น วันนี้อาจจะไม่ได้เอาภาพลงแต่เดี๋ยวจะพยายามอัพเดตเอาภาพมาใส่ให้ชมกันนะเด้อ

มาว่ากันว่าจานโปรดท๊อปทรี คืออะไร

ในใจของเรา ยกให้ แถ่น แถ๊นนนนนน  ปลาหมึกนึ่งมะนาว อร่อย แซ่บ สะใจแบบปลาหมึกนึ่งแถวบางแสน พัทยาเลยคุณผู้อ่าน อันนี้ต้องยกความดีให้คนที่ไปซื้อปลาหมึก เพราะเมลเบิรืนนั้น อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารทะเลนักแล ข้อเด่นของจานนี้คือการผสมกลมกลืนของมะนาว พริก และซุป อร่อย แบบว่าเมื่อซอสเข้าปากต้องอมให้รสชาติติดอยู่กับปลายลิ้น แล้วค่อยๆกลืนช้าๆให้น้ำซอสละลายและซึมสู่ร่างกาย อร่อย มาก ถึง มากที่สุด



ผู้เข้ารอบ จานที่สองได้แก่  ไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบ แหม เมนูเนี่ย เรากินบ่อยสมัยเป็นเหยี่ยราตรีในเมืองไทย ผับเลิกต้องไปกินข้าวต้มและจะต้องมีคนแอบสั่งอีจานเนี้ยเสมอ พอมาอยู่ออสเตรเลีย อุแม่เจ้า หากินยากมาก เคยลองทำกินเองก็ทำให้ไข่เยี่ยวม้า กลายเป้นไข่ขี้ม้า เพราะเละเทะ เยินมาก กะเพราทอดก็ไหม้ แต่ร้านนี้ทำออกมา สวย งาม ไข่แดงในไข่เยี่ยวม้าก็อร่อยมาก กรอบนอก แต่ นุ่มใน และ ในหมูสับที่ราดหน้าก็มีกลิ่นกะเพราอ่อนๆ กินกับเบียร์แล้ว ช่างรัญจวนลิ้นจริงๆ


ไปแอบถาม แม่ครัวว่าทำงัยเนี่ยพี่ไข่เยี่ยวม้าถึงอร๊อย อร่อย ติดลิ้นขนาดนี้ เจ๊ทำหน้าขรึมๆและตอบว่า ง่ายมากน้อง เราก็เอาเยี่ยวม้าตัวผู้มาหมักไข่ มันจะหมอ นุ่ม แรง อิอิ (ล้อเล่น)

และ แล้วผู้เข้ารอบ จานสุดท้าย ประสาคนชอบสนุกอย่างเรา เวลาไปร้านอาหารต้องดื่ม และ การดื่มให้อร่อยต้องมีจานนี้ แหนมข้อไก่ ใช่แล้วไอ้สิ่งที่เรากินกันบ่อยๆที่ไทยแลนด์นี่แหละ พอมาอยู่นี่มันจะมีรสอร่อยผิดธรรมชาติด้วยแรงความโหยหาอารยธรรม (หรืออีกนัยหนึง่ ความตะกละ) ของพวกเราในออสเตรเลีย จานนี้ชิวๆ กินกับเบียร์เข้ากันที่สุด



จริงๆร้านกับแกล้มมีอาหารหลายอย่างที่อร่อย แต่ข้าพเจ้าจะเลือกแค่ สามอย่าง ในแต่ละร้าน เท่านั้น ดังนั้น กฏ ต้อง เป็น กฏ เข้าใจนะจ๊ะพี่น้อง

ใครอยากไปร้านนี้ก็ลองดูนะ หาง่ายเดินไปจนสุดสาย La Trobe st.....nearby Exhibition St. ลองไปกินดูแล้วจะติดใจ

Sunday, September 19, 2010

อาหารไทยในเมลเบิร์น (ต่อ)

บล๊อกที่ผ่านมาอาจสร้างความร้าวฉานในแวดวงคนอ่านเพราะข้าพเจ้าป้ายสีร้านอาหารไทยในเมลเบิร์นไว้ซะอับจนหนทางหากินต่อ อย่างไรก็ตามได้บอกไว้แล้วว่าใน วันวารรรรรร มิใช่วันนี้ ดังนั้นสิ่งที่เล่านั้นได้ถูกปฏิวัติไปเสียมาก ในสมัยเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ข้าพเจ้ามิได้ใส่สีให้ฉูดฉาด เพราะอาหารไทยตอนนั้น น่าเบื่อโคตรๆ (ภาษาวัยรุ่นชิมิ)




สมัยก่อน ร้านอาหารไทยจะเหมือนที่เราทราบๆกันคือ มีเจ๊คุม ประเภทเมียฝรั่ง น่ารักก็ดีใจหาย ร้ายก็บิชชี่สุดๆ ข้าพเจ้าไม่เคยเจอแบบร้ายเลยเล่าไม่ถูกเพราะสมัยเป้นนักเรียนเจอแต่เจ้าของร้านดีโคตรๆ แต่ที่ได้ยินมาคือ ทุกร้านมีเมนุเหมือนกันหมด ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว เบื่อไหม (เบื่อซิ) และลูกค้าก็มักเป็นฝรั่งออสซี่ป้าๆลุงๆ ประเภทเข้าร้านมาแล้วเริ่มประโยคสนทนาว่า Oh I love Thai food! So nice and delicious! (เออ รู้แล้ว กินทุกวันไม่ต้องบอก) I love Tom Yam and Pad Thai คิดถึงท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลย์สงครามผู้คิดสูตรผัดไทย ท่านคงดีใจพิลึกที่รู้ว่าสูตรของท่านดังข้ามโลก

ทำกันมาสิบปี มันก็ ผัดไทย แกงเขียวหวาน เปาะเปี๊ยะ แค่นี้ สมัยอยู่เมืองไทย ใครกินฉันกินอาหารประเภทนี้น้อยกว่าตอนมาอยู่ที่นี่เสียอีก

แต่ แต่ ทุกสรรพสิ่งในโลกมีการหมุนเวียน เหมือน วงจรโลหิต yuck! ทุกวันนี้ มีคนไทยมาอยู่เมืองเมลเบิร์นมากขึ้น จนเป็นเหมือนจังหวัดอำนาจเจริญเข้าไปทุกที ที่สำคัญเพราะนโยบายเปิดกว้างจารทางราชการท่าน (ภาษาชาวไทยมาก) คนไทยหลายคน (เช่นข้าพเจ้า) เลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อ เอ อยู่ต่อแล้วทำอะไรดีละ

หนึ่ง เปิดร้านนวด
สอง เปิด เอเย่นต์นักเรียน
สาม อาาาาาาา เปิดร้านอาหารไทย

อาชีพสุดฮิตของอดีตนักเรียนไทยที่มาอยู่ที่นี่ ดังนั้น ร้านอาหรไทยจึงผุดราวดอกเห็ดหน้าฝน มากมายมหาศาล กินกันไม่หวาดไม่ไหว และ แน่นอนตามทฤษฎ๊ธุรกิจ การแข่งขัน นำไปสู่การพัฒนา มุกวันนี้ เราจึงเห็นร้านไทยโฉมใหม่มากขึ้น

ข้าพเจ้าอาสาจะพาคุณผู้อ่านไปลองชิมร้านอาหารไทยยุคใหม่กันตามกำลังที่จะไปได้ โดยในร้านเหล่านี้ เมนูประเภทเปาะเปี๊ย กะหรี่พัฟ แกงแดงแสลงใจ มักจะหายไป แต่จะมีอะไรใหม่ๆ เป็นแนวอาหารจากผับ ราวกับท่านนั่งอยู่หลังสว ทองหล่อ ปานนั้น อร่อย สวย คูล ชิก ที่สำคัญ คนที่ไปทานก็ไม่ใช่ฝรั่งแก่ๆที่ไม่รู้ว่า rambutan คื ออะไร แต่มักเป็นสาวหนุ่มฮิปๆ และ นักเรียนไทยไปนั่งสวยๆ หล่อๆกัน

ร้านเหล่านี้ทำโดยคนรุ่นใหม่แกะกล่อง หน้าตาสดใส หรือบางคนอยู่มานานแต่ผ่านระบบธุรกิจมาเยอะ ทำให้คิดอะไรแตกต่าง แต่ประการนึงที่ข้าพเจ้าไม่แน่ใจคือ ค่าแรงที่จ่ายให้น้องๆนักเรียนไทยนั้น เหมือนเดิมเมื่อสมัย เมียฝรั่งครองอาณาจักรร้านอาหารหรือไม่ (เฮ้ย นอกเรื่อง กลับมา กลับมา)

Saturday, September 18, 2010

อาหารไทยในเมลเบิร์น

วันนี้ขอเขียนภาษาไทยนะครับ เพราะว่าคิดว่าคงมีคนอ่านเรื่องนี้เป็นคนไทยมากกว่าชาวต่างด้าว (ชอบคำนี่จัง) เรื่องของเรื่องก็คือ หลังจากที่มาอยู่ต่างด้าว(อีกและ) นานเข้าก็เริ่มหายเห่ออาหารนานาชาติและกลับมาถวิลหารสชาติไทยๆ นี่หาใช่การคืนสู่สามัญแต่ประการใดแต่เราสามารถบอกได้ว่า ความแซ่บ แสบ แบบไทยๆนั้นมีอยู่จริง ดังนั้น การออกทัวร์ร้านอาหารไทยในเมลเบิร์นจึงกลายมาเป็นมิชชั่นใหม่ของกระผม



ร้านไทยในวันวารที่เมืองนี้มีเยอะ และมักจะเป็นกลุ่มเมียฝรั่ง (คำนี้มิได้มีนัยยะใดๆทั้งสิ้น) เพราะกลุ่มนี้มาอยู่นี้ได้พักนึง ไม่มีทักษะที่เป็นด้านวิชาชีพอื่นใดมากนัก นอกจากการทำอาหารที่เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษไทยเราสั่งสมมา (อันนี้ก็จริงนะเป็นเรื่องที่ดี) ดังนั้นเหล่าพี่ๆน้าก็มาเริ่มเปิดร้านอาหารไทย

ไอ้กระผมเอง ก็ไม่รู้ว่าทำไม และ ใครเป็นกลุ่มแรกๆที่คิดเมนู แต่มันกลายมาเป็นเมนูมิสไทยแลนด์เวิลดิ์ (ที่ไม่ใช่ นางงาม) เพราะไปที่ไหนมันก็มาอีแบบเนี้ยหมดทั้งโลก เอ หรือมันเป็นเมนูไทยแบบโลกาภิวัฒน์ ไม่ทราบจริงๆ


 โดยมีภาคบังคับคือ.................

เปาะเปี๊ย กะหรี่พัฟ ถุงทอง(อันนี้ไม่เคยกินในเมืองไทย แลดูเป็นอาหารแนวประยุกต์)
บางครั้งสามอย่างนี้มาในมาดใหม่เรียก อองเทรรวม ต๊าย ฟังดูเก๋ๆ เป็นฝรั่งๆ แต่พอมาถึงโต๊ะ อ้าวมันก็คือ อีน้องนางบ้านนาที่เราเคยกินนี่หว่า

ต้มยำกุ้ง และ ต้มยำกุ้งใส่กะทิและมาดัดจริตเรียกต้มข่า ร้อยละเก้าสิบห้า ใช้ผงหรือน้ำพริกต้มยำมาละลายน้ำใส่ผักบ้าๆบอๆเช่น แครอต ถั่วในต้มยำ พอเราถาม แม่ครัวมักจะตอบว่า โอ๊ยประยุกต์ๆคะ in other words มีแดกก็แดกไป อย่าเรื่องมาก


แกงเขียวหวาน แกงแดง แกงมัสมั่น (ส่งเข้าประกวดโดยน้ำพริกแม่พลอย) ทุกอย่างใส่น้ำตาลถ้วยละครึ่งโล กะทิมัน เข้ม กินแล้วเขาโรงบาลแอดมิทด่วน หรือใครโชคดีรอดปลอดภัยก็ต้องวิ่งไปแมรี่ฟร้านซ์ เพราะน้ำหนักคุณจะขึ้นแบบน้ำท่วมภาคใต้ คือ ไม่ทันตั้งตัว

ผัดน้ำพริกเผา ผัดโหระพา (ประยุกต์มาจากกะเพรา) มัน มัน และมัน

ผัดไทยหวานๆ ผัดซีอิ๊วเค็มๆ ผัดไทยของเรามักจะกลมกล่อมแต่ที่เมลเบิร์นกินแล้วไม่ต้องกล่อมเพราะคุณจะอารมณ์เสียไปกับความหวานของมัน ทุกร้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไก่ย่างที่ไม่รู้จะใส่โคตรพ่อโคตรแม่ซีอิ๋วไปทำไมมากมาย

ข้าวกะทิโรยมะพร้าวและงา กินแล้วคิดว่านี่กูกินอะไรอยู่

ตามด้วย กล้วยทอดกินกับไอติม


มันวนและเวียนเป็นวงจรอุบาทว์ของเมนูอาหารไทยจนกระผมเบื่อ และ เบื่อ และ เบื่อ จนต้องหยุดไปร้านอาหารไทยในเมลเบิร์น ทุกอย่างเหมือนเดิมตั้งแต่เปาะเปี๊ยะจนถึงกล้วยทอด พี่ๆป้าๆทำไมไม่คิดอะไรใหม่ๆมาให้เรากินบ้าง

เออ ได้แต่ตั้งคำถามแต่ไม่กล้าพูดเพราะกลัวเจ้าของร้านอาหารไทยรุมด่าและเอาตะหลิวตบกบาลข้าพเจ้า

รมณ์เสียไหม

เดี๋ยวมาเล่าต่อ

Wednesday, August 18, 2010

Mamanee: The Real Taste of Southern Thai Food

I love Thai food but I hate Thai food in Australia!!!

All Thai restaurants in Australia tend to offer curry puff, Spring roll, green-red curry (beef/chicken) and Padthai. They are not the kind of food we eat in Thailand and..being Thaimyself... I feel that the chef or Thai restaurant owners in Australia can't think! and will not..so they just copy the menu from the first Thai restaurant in Australia.

One day, I found a new place in Smith Street called "Mama Nee" which is run by 3 mid-age women from Southern Thailand. Three ladies promised the unique Southern-style Thai food and that what I had been looking for since my first arrival.

The first dish is very simple but...simply the best.Southern-Thai fried chicken. The skin is extremely crispy and well-coated by Thai herbs. The first bite will tell you the real flavour of 'Gallangha and Ginger'. Also, you will feel the crisp of deep-fried shallot. The second bite is for the softness and tenderness of chicken meet.

I remember my childhood when I finished school, my mother sometimes bought this type of fried-chicken and a pack of sticky rice for me and that became the highlight of my evening.

The second favourite that Mama nee can offer you is "Yum (Salad) Crispy Fish." Again, this dish is spectacular for your palate because of the combination of herbs and fried fish. Mama nee said she always searches for fresh ingredients to make salad. That includes green mangoes, shallot, ginger, lime, palm sugar and fresh chilli. The sweetness of green mango is a real contrast with crispy fish. I suggest my friends to try this salad with cold beer...heaven!

The choice of fish is also important. In Thailand, we always rely upon fresh water fish (such as cat fish), due to the fact that our history is linked with the rice field and you could always find catfish in the rice field...I guarantee this statement! In Ayuthaya where my folks are from, Yum crispy catfish is one of the most popular yet common dish among farmers. Now in Melbourne...Mama nee offers you the best!


The next dish is for some non-Thai friends who are not familiar with chilli. We order "Kai Jeaw Goong" (Omlette with fluffy shrimps) for them. This one is easy, simple but flavourful. I don't think it's very Southern Thai but ...who cares?


Highlight of the RESTAURANT!!!! Yellow curry with bambooshoot and fish. The flavour of turmeric (Kamin) is exceptionally strong. If you are looking for the fire in your mouth...THIS IS MY RECOMMENDATION!
The heat of this curry will kick away your flu symptoms. The sourness of bambooshoot and the heat in the curry will make you feel the inferno in your soul.

Last but not least, if you look for a combination of Southern Thai and Chinese cuisine...this one is for you. Chinese cabbage and crispy pork. It is nice with rice and yellow-curry. Mamanee's secret is the choice of oyster sauce and stock she added in this dish. You really can't miss this dish.

I hope you enjoy the food of Thailand and will completely forget the traditional green curry, padthai, tomyam that you have been eating in all Thai restaurants in Melbourne.

Love you!!! Mamanee Thai on Urbanspoon